ประวัติความเป็นมาฯ

ประวัติมัสยิดยาแมะกำปงตะกือแด

สมัยแรก
มัสยิดยาแมะกำปงตะกือแด ตั้งอยู่เลขที่ 167/4 บ้านต้นหยี ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา
จังหวัดยะลา 95160 เดิมเป็นอาคารไม้ลักษณะทรงสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกำแพงซีเมนต์ สร้างขึ้นโดย
การริเริ่มของนายหะยีวาเง๊าะ ระเซาะหรือคนทั่วไปเรียกว่าโต๊ะเยาะเง๊าะซึงเป็นปราชญ์ ทางด้านศาสนา
อิสลามสมัยนั้น
ในราวปี พ.ศ. ๒๔๙๖ นายหะยีวาเง๊าะ ระเซาะได้ชักชวนชาวบ้านมาร่วมละหมาดบนอาคาร
ไม้ลักษณะทรงสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกำแพงซีเมนต์ในเขตพื้นที่เรียกว่ากำปงกือราเสาะ ขณะนั้นมี
ชาวบ้านจากสามหมู่บ้านคือบ้านตักดัม(ตะกือแด) บ้านต้นชด และบ้านต้นขนุนมาละหมาดรวมกัน
หลังจากนั้นได้มีความพยายามให้มีการละหมาดวันศุกร์และได้มอบหมายให้นายหะยีมะแซ
หยีมาลีหรือชาวบ้านเรียกว่าโต๊ะเย๊าะโต๊ะอีแมเป็นอิหม่ามคนแรก โดยมีโต๊ะครูหะยีวาเง๊าะ ระเซาะเป็น
ผู้ให้การสนับสนุนด้านความรู้เรืองศาสนาอิสลาม แต่ยังไม่มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ
ภายหลังนายหะยีมะแซ หยีมาลีเสียชีวิต ได้มีการแต่งตั้งให้นายมะดง บินหะยีมะแซเป็น
อิหม่าม นายเจ๊ะอาลี บินหะยีดอฆอเป็นคอเต็บ และนายหะยีมะซิง บินกูโนเป็นบิหลั่น

สมัยได้รับการจดทะเบียน
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ขณะที่นายมะดง บินหะยีมะแซเป็นอิหม่าม นายเจ๊ะอาลี บินหะยีดอฆอ
เป็นคอเต็บ และนายหะยีมะซิง บินกูโนเป็นบิหลั่นนั้น ได้ขอจดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับทางศาลา
กลาจังหวัดยะลา และได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการเมือวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ เลขหมาย
ทะเบียนที่ ๑๑๑ ชื่อมัสยิดยาแมะกำปงตะกือแด ต่อมาได้มีการสร้างอาคารไม้ยกพื้นเรียกว่าบาไล
ข้างหน้าอาคารมัสยิด(อาคารไม้ทรงสี่เหลียมล้อมรอบด้วยกำแพงซีเมนต์)เพื่อเป็นสถานที่จัดเลี้ยงอาหารใน
การทำบุญเนืองในวันสำคัญทางศาสนาอิสลามต่างๆ
หลังจากนั้นในราวปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้ย้ายมาอยู่ที่สถานที่แห่งใหม่เรียกว่าเขตบึนดังบารูซึ่ง
เป็นที่อยู่ในปัจจุบัน สมัยย้ายมาใหม่ๆใช้อาคารไม้ทรงยกพื้นเป็นสถานที่สำหรับการละหมาดเรียกว่าบาไล
ต่อมาในราวปี พ.ศ. ๒๕๑๗ นายมะดง บินหะยีมะแซได้ขอลาออกจากตำแหน่งอิหม่ามและ
ได้แต่งตั้งให้นายเลาะแม สามะลีเป็นอิหม่าม และแต่งตั้งให้นายเจ๊ะอาลี บินดอฆอเป็นคอเต็บอีกครั้ง และ
นายอาแซ หะยียุโซ๊ะเป็นบิหลั่น

สมัยปัจจุบัน
ในราวปี พ.ศ. ๒๕๑๘ อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น คณะกรรมการมัสยิดและชาวบ้านมีความเห็น
รวมกันว่าต้องมีการสร้างอาคารมัสยิดใหม่และได้มีการวางรากฐานของมัสยิดในปีเดียวกัน
หลังจากนั้นได้มีการรวบรวมเงินทุนเพื่อก่อสร้างอาคารมัสยิดด้วยการขอรับบริจาคจาก
ชาวบ้านในตำบลต่างๆ จนสามารถก่อสร้างอาคารมัสยิดในรูปทรงปัจจุบันแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๐
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ นายเลาะแม สามะลีซึ่งเป็นอิหม่ามในขณะนั้นได้กลับสู่ความเมตตาของ
อัลลอฮ์(เสียชีวิต) และได้มีการเลือกตั้งให้นายสุกรี อาลีเป็นอิหม่าม นายมะยาดิม สาและมิงเป็นคอเต็บ
และนายการียา สือแปงเป็นบิหลั่น
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ได้มีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งโดยนายสุกรี อาลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็น
อิหม่ามอีกครั้ง นายฮะมะ โว๊ะได้รับเลือกตั้งให้เป็นคอเต็บและนายอับดุลลาเต๊ะ สะโตสแนได้รับเลือกตั้ง
ให้เป็นบิหลั่น
หลังจากนายสุกรี อาลีได้กลับสู่ความเตตาของอัลลอฮ์(เสียชีวิต) ได้มีการจัดการเลือกตั้งอีก
ครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ในการเลือกตั้งครั้งนี้นายเภาซี สาและได้รับเลือกตั้งให้เป็นอิหม่าม นายสาการียา
ดอเล๊าะได้รับเลือกตั้งเป็นคอเต็บ และนายอับดุลลาเต๊ะ สะโตสแนได้รับเลือกตั้งเป็นบิหลั่นอีกครั้ง ซึ่ง
บุคคลทั้งสามยังอยู่ในตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน