ประวัติความเป็นมา
สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของพี่น้อง หมู่ที่ 9 บ้านทุ่งควนหินหรือบ้านกลางน้ำร้อน ที่ยังไม่มีมัสยิดเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน ซึ่ง เมื่่อก่อนนั้นได้ละหมาดยุมอะฮ์หรือวันศุกร์ ณ มัสยิดบ้านนำ้ร้อนร่วมกับพี่น้องหมู่ที่ 7 บ้านนา แต่เนื่องจากมัสยิดบ้านน้ำร้อน มีจำนวน สัปบุรุษมากอยู่แล้ว จึงคิดว่าทางหมู่ที่ 9 น่าจะจัดสร้างมัสยิดได้แล้ว เมื่อได้ปรึกษาหารือกันก็จัดการหาสถานที่ในการก่สร้าง ประจวบเหมาะว่ามีผู้ที่ใจบุญได้วากอฟที่ดินเพื่อสร้างมัสยิด คือ นางบุหลัน เหลนเพชรและนายห้าหมาด เหลนเพชร (สองพี่น้องบุตรนางตี้หง้า) ได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างมัสยิดในครั้งนี้ประมาณ 1 ไร่ ครึ่ง แต่พื้นที่ค่อนข้างคับแคบ นายส้อหลา พันหญ้า ซึ่งมีที่ดินติดต่อกัน ได้เล็งเห็นว่าต้องมีพื้นที่ที่มากกว่านี้ จึงได้วากอฟที่ดินสมทบในการจัดสร้างมัสยิดต่อไป เมื่อมีที่ดินวากอฟพร้อม การจัดสร้างมัสยิดก็เริ่มดำเนินการด้วยเงินทุน 165 บาท สำหรับซื้อเชือกและตะปูเพื่อทำผังอาคารมัสยิดชั่วคราว การดำเนินการมีพี่น้องทุกที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือ บริจาคสร้างมัสยิดได้แก่ ดิน หิน ปูน ทรายและไม้ ร่วมถึงสิ่งอื่นๆ อีกมากมายใช้เวลาในการก่อสร้าง ประมาณ 2 เดือน 16 วันจนกระทั่งสร้างมัสยิดหลังขั่วคราวเสร็จ แล้วทำการละหมาดยุมอะฮ์และละหมาดอีดิลอัฎฮาปี 57 หลังจากนั้นได้ทำการขอจดทะเบียนมัสยิด ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ เดือน พ.ศ.2557 เลขทะเบียนเลขที่ 201 ซึ่งมีชื่อว่า " มัสยิดอิสลาฮุดดีน" (อาจารย์ ฮัจญี กาแหมน ลูกเหล็ม เป็นผู้ตั้งชื่อให้) แล้วได้ทำการคัดเลือกบุคคลที่เป็นสัปบุรุษ เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด อิสลาฮุดดีนในครั้งแรกนี้ ประกอบด้วย นายคร่ำ มารยา ตำแหน่ง อีหม่าม,นายดำริ จงรักษ์ คอเต็บ,นายก้อเฉด หลานหลงส้า บิหลั่น และกรรมการประจำมัสยิดอีก 12 ท่าน
เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2558 แรม 9 คำ่ เดือน 12 ปี ระกา ตรงกับเดือน ฃอฟัร ปี ฮ.ศ.1437 เวลา 13.19 น. ได้ลงเสาต้นแรกของการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ ฃึ่งได้รับการอนุเคราะห์จากกองทุนของอาหรับ ประเทศการ์ต้า ด้วยการบริจาคของท่านอับดุลลอฮ์ บิน อูมัร ประสานงานโดยท่านเชค ฃอบะฮ์ ขณะนี้การก่อสร้างได้เสร็จสิ้น เปิดทำการละหมาดยุมอะฮ์(ละหมาดวันศุกร์)และทำพิธีเปิดโดยท่านเชค ซอบะฮ์เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2559 (วันที่ 9 เดือน รอบีอุ้ลเอาวาล ฮ.ศ.1438 ) ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 1 ปีจอ พร้อมสัปบุรุษหมู่ที่ 9 และพี่น้องผู้ศรัทธาได้ร่วมกันในครั้งนี้