ประวัติย่อมัสยิดบ้านคลองเนียง
การได้มาของมัสยิดและสถานที่ตั้งของมัสยิดบ้านคลองเนียง ได้มาอย่างไรกันหนอ?
ครั้งนั้นนายแดง สายเส็น ได้ยกที่สอนเรียน (บาลาย) ผมเคยได้ยินนายแดงได้พูดคุยกับนางเอียด เรือทองว่า กระผม(นายแดง) จะยกบาลายและว่ากัฟสถานที่ ส่วนนางเอียดนั้นส่งลูกไปเรียนศาสนาที่ปอเนาะเพื่อได้กลับมาสอน และเป็นผู้นำในเรื่องทางด้านศาสนาบ้านเรา
ดังนั้นความประสงค์ของทั้งสองท่าน อัลลอฮฺก็ได้ให้เขาทั้งสองได้รับตามความประสงค์ดังที่เขาตั้งใจเอาไว้ ต่อมาทางคณะและผู้จัดการก่อสร้างมัสยิดพร้อมกับพี่น้องสัปปุรุษบ้านคลองเนียง ประสงค์ให้มัสยิดได้ขึ้นจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองและกรมศาสนาจึงส่งตัวแทนไปพบกับท่านประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่(นายแอ กิ่งเล็ก) การที่ตัวแทนไปพบประธานฯในครั้งนั้นจึงได้แจ้งวัตถุประสงค์รายละเอียดทั้งหมดให้กับท่านประธานฟัง ท่านประธานได้ฟังแล้วได้นำไปคิดพิจารณาเรื่องในการเดินทางไปทำภารกิจทางด้านศาสนาในวันศุกร์(ยุมอะฮฺ)เห็นว่าไกลและพร้อมกับคนทั้งหมดในมูเก็ม จึงอนุมัติให้ยกมัสยิดและพร้อมจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกรมศาสนาระบุไว้ในกฎหมายบ้านเมือง แต่มีข้อแม้ว่าที่ตั้งมัสยิดนั้นต้องให้ได้อย่างน้อย 1 ไร่ หรือครึ่งไร่ แต่ในขณะนั้นที่ตั้งมัสยิดที่นายแดงวากัฟให้เฉพาะตั้งมัสยิดเท่านั้น
ต่อมาตัวแทนที่ไปพบประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ก็กลับมาปรึกษากับนายแดงและผู้เกี่ยวข้อง จึงสรุปและลงมติว่าให้นายแดงโอนที่ดินให้เป็นของมัสยิดสองงานก่อนเพื่อให้มัสยิดได้จดทะเบียน นายแดงตกลงตามข้อเสนอแต่มีข้อแม้ว่าส่วนทีเหลือจากที่วากัฟนั้นให้จ่ายเงินทีหลังทั้งหมดจึงตกลงเช่นนั้น ต่อมานายแดงก็ได้โอนที่ให้เป็นของมัสยิดทั้งหมด 2 งานพร้อมกับยกมัสยิดเสร็จพร้อมจะขึ้นทะเบียน สัปปุรุษบ้านคลองเนียงจึงเชิญประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ขึ้นมาเพื่อจะขอจดทะเบียนมัสยิดท่านประธานได้ขึ้นมาจัดตั้งคณะกรรมการพร้อมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารมัสยิดบ้านคลองเนียง โดยสัปปุรุษได้เสนอให้นายก็เฉม มูลกุล เป็นอีหม่ามประจำมัสยิดบ้านคลองเนียงในตอนนั้น
เนื้อที่ทั้งหมดที่ได้มาจัดตั้งมัสยิดบ้านคลองเนียงได้มาอย่างไร
1. แปลงที่ 1 นายแดง สายเส็น ได้วากัฟส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งได้ขายให้อีหม่าม(นายก็เฉม มูลกุล) เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) อีหม่ามและคณะกรรมการมัสยิดได้รวบรวมเงินได้ 30,000 บาท ไปจ่ายให้นายแดง สายเส็นเรียบร้อย หลังจากนั้นทางมัสยิดก็เปลี่ยนกรรมการชุดใหม่ ซึ่งนายสาคร เรือทอง ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งอีหม่ามประจำมัสยิดบ้านคลองเนียงจึงประสานงานต่อ
2. แปลงที่ 2 อีหม่าม(นายสาคร เรือทอง) พร้อมกับสัปปุรุษบ้านคลองเนียงได้รวบรวมจ่ายให้นายแดงในแปลงที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)
3. แปลงที่ 3 ทางคณะกรรมการมัสยิดและสัปปุรุษมัสยิดบ้านคลองเนียงได้จัดงานแข่งขันทักษะด้านวิชาการศาสนาได้เงินเข้ามัสยิดจำนวนหนึ่งพร้อมกับเงินมัสยิดรวมประมาณ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ทางคณะกรรมการมัสยิดได้จัดซื้อที่ให้กับมัสยิดในแปลงที่ 3 จำนวนเงิน 70,000 บาท (เจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
4. แปลงที่ 4 แปลงนี้จำเป็นต้องซื้อเพิ่มให้กับมัสยิดด้วย 2 สาเหตุด้วยกัน คือ1. เพื่อให้มัสยิดมีเนื้อที่เพิ่มขึ้น และ 2. เนื้อที่แปลงนี้นั้นได้ตกไปเป็นของคนศาสนาอื่น ดังนั้นทางอีหม่ามและคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดและสัปปุรุษบ้านคลองเนียงจำเป็นต้องซื้อที่ดินแปลงนี้เป็นอย่างยิ่ง ทางอีหม่ามจึงได้ไปยืมเงินมาจำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน)และมารวมกับเงินของมัสยิดที่มีอยู่แล้วประมาณ 50,000 บาท ได้รวบรวมเงินจำนวน 350,000 บาท ซื้อที่ดินแปลงนี้
ดังนั้นทางอีหม่ามและคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดบ้านคลองเนียงจึงรบกวนขอความช่วยเหลือจากพี่น้องบ้านคลองเนียงซื้อที่ดินวากัฟให้เป็นของมัสยิดบ้านคลองเนียงดังกล่าวต่อไป
หลังจากนี้ผู้เขียนขอให้ เอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.) จงได้ประทานความดีงาม ความสันติสุข และความเมตตาแด่พี่น้องสัปปุรุษมัสยิดบ้านคลองเนียงทุกท่าน วะบิลลาฮิตเตาฟิก วัลฮิดายะฮฺ วัสสะลามุอะลัยกุมวะเราะหฺมะตุลลอฮิตอาลา วะบะเราะกาตุฮฺ