ย้อนไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2495  นางแมะ   สมันบุตร  ได้วากัฟที่ดินส่วนตัวเพื่อใช้ก่อสร้างมัสยิด  ซึ่งในระยะแรกได้ก่อสร้างเป็นสถานที่ละหมาด(บาลาย)เล็กๆจุคนได้เพียง 20 คน ผู้ก่อสร้างคือนายเด็น นายดำล้า  นายด่ากา  และนายย่าปากได้ร่วมกันทำ  ซึ่งต่อมานายเด็นได้ถูกเห็นชอบจากผู้คนให้ดำรงตำแหน่งอิหม่าม  
       ถัดจากนั้นไม่นานด้วยความคับแคบและผู้คนที่มาละหมาดมากขึ้น  ทั้งหมดจึงมีมติเป็นเสียงเดียวกันเพื่อปรับอาคารดังกล่าวให้เป็นมัสยิดโดยสมบูรณ์  ส่วนการก่อสร้างครั้งนี้เนื่องจากงบประมาณที่จำกัดและอุปสรรคในการขนส่ง  เบื้องต้นจึงดำเนินการก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ส่วนหลังคาใช้วิธีการมุงด้วยสังกะสีและกั้นด้านข้างด้วยไม่ไผ่สาน
       เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ อิหม่ามท่านแรกคือ  นายเด็นผู้ที่ก่อสร้างนั่นเอง  ส่วนคอเต้บคือ นายด้ากา  กาหลง  และบิหลั่นคือ นายดำ  กุลพ่อ 
       ต่อมาเนื่องด้วยอายุที่มากขึ้นของนายเด็นเป็นอุปสรรคต่อการปฎิบัติหน้าที่  นายเด็นจึงลาออก  อิหม่ามท่านถัดมาคือ  นายกูหมาด  สมันบุตร
       ไม่นานอิหม่ามมีการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง  ครั้งนี้คือ นายกูหมีด  ซึ่งในยุคของนายกูหมีดนี้เองที่มัสยิดได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ  โดยผู้ดำเนินการในขณะนั้นคือ นายประภาส  มาศโอสถ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านปากหราเป็นผู้ดำเนินการให้  และได้รับการขนานนามว่า "มัสยิดมูซอลลี" 
       ในอีกหลายปีต่อมา อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง  ในครั้งนี้ อิหม่ามคือ นายหมาดหยาด  กุลพ่อ  คอเต็บคือ นายหว้าเห  หม้อน้ำร้อน ส่วนบิหลั่นคือ  นายหมาดเหยด  กุลพ่อ  ในยุคนี้ มัสยิดได้ถูกปรับปรุงและซ่อมแซมอีกครั้ง  ในครั้งนี้ได้ดำเนินการเปลี่ยนเสาไม้ทั้งหมดให้เป็นเสาปูนที่มีความแข็งแรงยิ่งกว่า  ส่วนผนังที่เป็นเพียงสังกะสีกั้น  ได้ถูกแทนที่ด้วยอิฐแต่ไม่ได้มีการฉาบแต่อย่างใด หลังคาถูกเปลี่ยนเป็นกระเบื้องที่มีความแข็งแรงยิ่งกว่า ส่วนขนาดที่เล็กก็ถูกขยายให้ใหญ่เพื่อรองรับปริมาณผู้คนได้มากขึ้น
       หลายปีต่อมา มัสยิดถูกแยกออกเป็นสองหลัง  ผู้ที่ถูกเลือกมาดำรงตำแหน่งอิหม่ามท่านใหม่คือ นายดนล้า  บ่อหนา  คอเต็บคือ นายมนัส  โส้เหม ซึ่งภายหลังมีปัญหาสุขภาพได้ให้นายยู่โสบ  กุลพ่อขึ้นดำรตำแหน่งแทน  ส่วนบิหลั่นยังเป็นท่านเดิมคือ นายหมาดเหยด  กุลพ่อ  และในยุดนี้ได้มีการปรับปรุงอาคารมัสยิดใหม่อีกครั้ง  โดยในครั้งนี้ได้เปลี่ยนโครงสร้างหลังคาใหม่ทั้งหมด  รวมถึงมาการฉาบผิวมัสยิดใหม่ทั้งหลัง  และยังคงปรับปรุงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน