#มัสยิดอิสลามปากกอง อำเภอสารภี เชียงใหม่เรื่องเล่าความรักและรากเหง้ามุสลิมกลางทุ่งนา
       ถ้าลองเดินทางไปยังตำบลสันทราย อำเภอสารภี เชียงใหม่ แล้วเลี้ยวเข้าไปตามถนนเล็ก ๆ ผ่านทุ่งนาสีเขียว คุณจะพบกับชุมชนเล็ก ๆ ที่มีมัสยิดตั้งอยู่อย่างสงบ นั่นคือ มัสยิดอิสลามปากกอง หรือที่คนเชียงใหม่มักเรียกกันติดปากว่า มัสยิดหนองแบน
     ชุมชนนี้มีเรื่องเล่าเก่าแก่ที่อบอุ่นราวกับตำนาน เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 150 ปีที่แล้ว …
#หนุ่มแดนไกลกับสาวริมเหมือง
       เล่ากันว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ลาซอน อาลี เดินทางจากเมืองกัลกัตตา อินเดีย (ซึ่งต่อมากลายเป็นบังคลาเทศ) เขามาพร้อมสหายอีกสองคน ตั้งใจหาที่ทำกินในเมืองเชียงใหม่
       ตอนแรกเขาพำนักอยู่ในชุมชนมุสลิมย่านช้างคลาน ซึ่งในเวลานั้นมีท่านมุฮัมมัด อุสมาน อาลี เมยายี  เป็นผู้นำที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
      ด้วยความที่ลาซอน อาลีเป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ และเก่งเรื่องหาปลา กิตติศัพท์ของเขาล่วงรู้ไปถึงหู เจ้าหลวงอินทนนท์ เจ้านครเชียงใหม่ พระองค์จึงโปรดให้เขาไปดูแลหนองปลาหลวงที่บ้านหนองแบน อำเภอสารภี
       ทุกปี เมื่อถึงเดือนมกราคม เขาจะนำปลาสด ๆ เต็มลำเรือไปส่งถึงวังอย่างไม่เคยขาด ทำให้เจ้าหลวงพอพระทัย จึงพระราชทานที่ดินให้เป็นรางวัล
       หลายปีที่เขาครองโสดอยู่ริมหนองน้ำ จนวันหนึ่งหัวใจก็ได้พบคู่แท้ — หญิงสาวชื่อ แม่แสง จากบ้านริมเหมือง จังหวัดลำพูน ความรักค่อย ๆ เบ่งบาน เขาได้ไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยา พร้อมชักชวนเข้าสู่อิสลามและสอนการปฏิบัติศาสนกิจให้ครบถ้วน
       ทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 12 คน เสียงหัวเราะและวิถีชีวิตของครอบครัวนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของชุมชนมุสลิมแห่งเดียวในอำเภอสารภี
#ชุมชนเล็ก ๆ กลางผู้คนต่างศาสนา
      ไม่นานนัก เพื่อนร่วมถิ่นจากกัลกัตตาก็ทยอยตามมาอยู่รวมกัน ชุมชนหนองแบนจึงค่อย ๆ เติบโตขึ้น
      ถึงแม้ที่นี่จะเป็นชุมชนมุสลิมเล็ก ๆ แต่รอบด้านเต็มไปด้วยชาวพุทธชาวไทยยองและลัวะ ทว่าทุกคนกลับอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ไม่เคยมีเส้นแบ่งที่ทำให้ห่างเหิน
     ชาวบ้านรุ่นแรก ๆ เล่าว่า ไม่ว่าจะงานบุญหรืองานศพของใคร ไม่ว่าจะต่างศาสนา ต่างบ้าน ต่างเรือน ต่างก็ช่วยเหลือกันเหมือนญาติ ความสัมพันธ์เช่นนี้เองที่ทำให้ชุมชนเล็ก ๆ อยู่ได้อย่างอบอุ่นและมั่นคง
#รากเหง้าและอัตลักษณ์ล้านนา
       ลูกหลานของลาซอน อาลี และแม่แสง จึงเติบโตขึ้นด้วยเลือดเนื้อสองสาย — ฝ่ายพ่อจากแดนไกล และฝ่ายแม่จากคนพื้นเมืองล้านนา
พวกเขาเรียนรู้ทั้งวัฒนธรรมล้านนาและคำสอนอิสลาม จนหลอมรวมเป็นอัตลักษณ์พิเศษของมุสลิมในเมืองเหนือ
       ตลอดหลายชั่วอายุคน ชุมชนแห่งนี้ได้ส่งลูกหลานไปเรียนศาสนาไกลถึงประเทศอาหรับ มีทั้งอุละมาอฺ (นักวิชาการศาสนา) และผู้นำศาสนากลับมารับใช้สังคม
#เรื่องเล่าที่ไม่เลือนหาย
     วันนี้ ถ้าใครได้ผ่านไปที่มัสยิดปากกอง คุณจะเห็นเด็ก ๆ วิ่งเล่นรอบ ๆ มัสยิด เห็นผู้เฒ่านั่งคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ และได้ยินเสียงอะซานกังวานลอยไปเหนือทุ่งนา
ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนของรากเหง้าที่เริ่มต้นจากชายหนุ่มคนหนึ่งกับหญิงสาวบ้านริมเหมือง เมื่อร้อยกว่าปีก่อน
      เรื่องเล่าของ ลาซอน อาลี และแม่แสง จึงไม่ใช่เพียงความรักของสองคน
      แต่เป็นรากฐานของครอบครัวใหญ่ ชุมชนเล็ก และประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในอำเภอสารภี
เรื่องราวนี้สอนเราว่า — แม้ต่างถิ่น ต่างภาษา ต่างศรัทธา แต่เมื่อมีความรัก ความซื่อสัตย์ และความเคารพต่อกัน ก็สามารถสร้างบ้าน สร้างชุมชน และสร้างสันติสุขได้อย่างงดงาม